t-reg PDPA Platform

หุ่นยนต์กำลังคิด พร้อมข้อความ AI กับ PDPA ผลกระทบที่ธุรกิจต้องเตรียมรับมืออย่างจริงจัง

AI กับ PDPA ผลกระทบที่ธุรกิจต้องเตรียมรับมืออย่างจริงจัง

เนื้อหาในบทความ

ในปี 2025 นี้ ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า AI (Artificial Intelligence) ได้กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจแทบทุกภาคส่วน ตั้งแต่สตาร์ทอัพขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรข้ามชาติ เครื่องมือ AI ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน หรือประมวลผลข้อมูลได้แม่นยำเท่านั้น แต่ยังเข้ามามีบทบาทในทุกมุมของการทำงาน ทั้งด้านการตลาด การบริหารจัดการ ไปจนถึงการพัฒนาโปรดักต์ใหม่

แต่ในขณะที่ AI กำลังช่วยธุรกิจเติบโต ก็มีอีกด้านหนึ่งที่ไม่อาจละเลยได้ คือเรื่องของกฎหมาย PDPA หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งกำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับองค์กรที่ใช้ AI ประมวลผลข้อมูลโดยขาดการควบคุมอย่างรัดกุม

AI มีบทบาทอะไรบ้างที่สำคัญในการทำธุรกิจในปี 2025

ปี 2025 คือยุคที่ AI ไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” แต่กลายเป็น “ความจำเป็น” ขององค์กร ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ การนำ AI มาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในบทบาทต่อไปนี้

แขนหุ่นยนต์ยกขึ้น พร้อมข้อความแสดงตัวอย่างการใช้งาน AI ในธุรกิจ เช่น วิเคราะห์ข้อมูล สร้างเนื้อหา และแชตบอต

1. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (AI Data Analytics)

AI สามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) จากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมผู้บริโภค ข้อมูลธุรกรรม หรือสถิติต่างๆ แล้วสรุปเป็นข้อมูลเชิงกลยุทธ์ได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น

2. สร้างและปรับแต่งเนื้อหา (Content Generation & Editing)

AI เช่น GPT หรือแอปแต่งภาพต่างๆ ถูกใช้เพื่อช่วยสร้างโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เขียนบทความ โฆษณา หรือแม้แต่ปรับเสียง ตัดต่อวิดีโออัตโนมัติ ย่นเวลาและค่าใช้จ่ายของทีมคอนเทนต์ไปได้มหาศาล

3. ระบบตอบกลับอัตโนมัติ (Chatbots และ Virtual Assistants)

ธุรกิจจำนวนมากใช้ AI ในการตอบคำถามลูกค้าแบบเรียลไทม์ เช่น บนเว็บไซต์ หรือผ่านแอปแชทต่างๆ ไม่เพียงช่วยลดภาระงานของทีม Customer Service แต่ยังช่วยเก็บข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าไว้ใช้ต่อยอดได้อีกด้วย

4. การคัดกรองและสรรหาบุคลากร (AI Recruitment)

ในวงการ HR, AI ถูกใช้ในการสแกนเรซูเม่ วิเคราะห์พฤติกรรมผู้สมัครจากวิดีโอสัมภาษณ์ หรือแม้กระทั่งคาดการณ์แนวโน้มการลาออกของพนักงาน ทำให้การบริหารทรัพยากรบุคคลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

5. แอปพลิเคชันแต่งรูปและจัดการภาพลักษณ์

AI แต่งรูปที่ใช้กันทั่วไป เช่น การปรับใบหน้า ลบพื้นหลัง เปลี่ยนสีผม ล้วนเป็นฟีเจอร์ยอดนิยมในแอปมือถือ แต่ในมุมของธุรกิจ เช่น ธุรกิจด้านความงาม หรืออีคอมเมิร์ซ ก็ใช้ AI เพื่อสร้างภาพโปรโมตสินค้าหรือแต่งภาพสินค้าให้สวยงามโดยไม่ต้องใช้ช่างภาพ

6. Generative AI

Generative AI เข้ามามีบทบาทในการ “สร้างสรรค์” และช่วยเหลือบทบาทต่างๆได้มากกว่าเดิม ธุรกิจสามารถใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อ:

  • สร้างเนื้อหาต้นฉบับ เช่น เขียนบทความ โฆษณา สคริปต์วิดีโอ หรือแม้แต่บทพูดในพรีเซนต์งาน
  • สร้างภาพ/วิดีโอจากข้อความ โดยไม่ต้องใช้กล้องหรือกราฟิกดีไซน์
  • ออกแบบผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Product Prototyping) เช่น สร้างแบบจำลอง 3 มิติ หรือจำลองแนวคิดผลิตภัณฑ์ก่อนผลิตจริง
  • สร้างโค้ดโปรแกรมอัตโนมัติ เพื่อลดเวลาและแรงงานของทีมไอที

Generative AI ช่วยเร่งนวัตกรรม ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความเร็วในการนำไอเดียไปสู่การทดลองหรือสู่ตลาดจริงในเวลาสั้นกว่าที่เคย

อย่างไรก็ตาม การที่ AI เข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคล ก็เป็นจุดที่ธุรกิจต้องระวังอย่างยิ่ง

PDPA กับความเสี่ยงเมื่อธุรกิจใช้ AI

PDPA (Personal Data Protection Act) เป็นกฎหมายที่บังคับใช้เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนไทย กำหนดให้ผู้ที่เก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล และต้องดูแลข้อมูลนั้นอย่างปลอดภัย

AI ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า การแชท การแต่งรูป หรือสร้างเนื้อหา อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง หากไม่มีการขอความยินยอม หรือไม่มีระบบจัดการที่ปลอดภัย ก็อาจละเมิดกฎหมาย PDPA ได้

ผลกระทบที่ธุรกิจต้องเผชิญ หากไม่ปฏิบัติตาม PDPA ขณะใช้ AI

1. ความเสี่ยงทางกฎหมาย: ปรับ-จำคุก-ฟ้องร้อง

PDPA มีบทบัญญัติที่ให้โทษทั้งทางแพ่ง อาญา และปกครอง หากองค์กรเก็บหรือใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือเก็บเกินความจำเป็น เช่น

  • ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเก่าเพื่อทำ remarketing โดยไม่แจ้งล่วงหน้า
  • ส่งภาพลูกค้าหลังปรับด้วย AI ไปใช้เป็น case study โดยไม่ถามเจ้าของภาพ

โทษทางกฎหมาย

  • ปรับทางปกครองสูงสุด 5 ล้านบาท
  • โทษทางแพ่ง: ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าเสียหาย (รวมค่าเสียหายเชิงลงโทษ)
  • โทษอาญา: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท

2. เสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว การรับรู้ว่าบริษัทใช้ AI วิเคราะห์หรือดึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจทำให้เกิดการ “แอนตี้” บนโซเชียลมีเดีย เช่น ลูกค้าโพสต์ว่าใช้แอปแล้วข้อมูลหน้าถูกส่งไปต่างประเทศ หรือร้องเรียนผ่านหน่วยงานกำกับดูแล

3. ภาระต้นทุนในการปรับระบบย้อนหลัง

องค์กรที่ไม่มีระบบ PDPA ตั้งแต่แรก อาจต้องเสียต้นทุนจำนวนมากหากถูกตรวจสอบ เช่น

  • ค่าที่ปรึกษากฎหมาย
  • ค่าเปลี่ยนระบบจัดเก็บและลบข้อมูล
  • ค่าฝึกอบรมพนักงาน
  • โอกาสเสียเวลาและหยุดให้บริการชั่วคราว

แนวทางที่ธุรกิจควรเตรียมรับมือ เมื่อใช้ AI ร่วมกับข้อมูลส่วนบุคคล

แนวทางที่ธุรกิจควรเตรียมรับมือเมื่อใช้ AI กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ขอความยินยอม แต่งตั้ง DPO และอบรมพนักงาน

1. ทำ Data Mapping และ AI Use Case Audit

ตรวจสอบว่าในระบบหรือแอปใดที่มีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และ AI ที่ใช้อยู่มีการเก็บหรือโอนข้อมูลอย่างไร เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

2. ขอความยินยอม (Consent) อย่างโปร่งใส

ธุรกิจควรมีหน้าจอขอความยินยอมอย่างชัดเจน พร้อมระบุวัตถุประสงค์ เช่น เพื่อปรับรูปภาพ ส่งข่าวสาร หรือใช้เพื่อวิเคราะห์ ไม่ใช้การ “เหมารวม” ความยินยอม และต้องให้ผู้ใช้งานสามารถเพิกถอนสิทธิได้ง่าย

3. แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล (DPO)

องค์กรที่มีการเก็บและประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ควรแต่งตั้ง DPO เพื่อดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ

4. สร้างหรือปรับปรุง Privacy Policy และ AI Policy

ธุรกิจควรมีนโยบายด้านความเป็นส่วนตัวที่อัปเดตใหม่ โดยระบุชัดเจนว่ามีการใช้งาน AI อย่างไร ใช้ข้อมูลอะไร และเก็บไว้นานเท่าใด พร้อมระบุขอบเขตของสิทธิผู้ใช้งานให้ชัดเจน

5. จัดฝึกอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอ

พนักงานทุกฝ่ายควรเข้าใจ PDPA และวิธีใช้งาน AI ที่ถูกต้อง เช่น การไม่ดึงข้อมูลลูกค้าเข้า GPT โดยไม่ขออนุญาต หรือการไม่ส่งไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านระบบที่ไม่มีการเข้ารหัส

6. เตรียมระบบรับคำร้องจากเจ้าของข้อมูล (DSR)

PDPA ให้อำนาจเจ้าของข้อมูลในการเข้าถึง ลบ ถอนความยินยอม หรือคัดค้านการใช้ข้อมูล ธุรกิจควรเตรียมระบบหรือกระบวนการที่รับมือคำร้องเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

สรุปส่งท้าย สำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้ AI ในการทำธุรกิจ

AI กลายเป็นหัวใจของการทำธุรกิจในปี 2025 แต่อีกด้านหนึ่ง “ความเป็นส่วนตัว” เป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกองค์กรควรให้ความใสใจในทุกขั้นตอนของการทำธุรกิจ ให้เติบโตและยั่งยืนเพราะหากเจ้าของข้อมูลเข้ามาพบเห็นหรือไม่ยินยอมให้ใช้ข้อมูลนั้้น บริษัทของท่านอาจจะต้องโดนฟ้องร้องได้เช่นกันนอกจากจะเสียเงินชดเชยแล้วยังทำให้เสียชื่อเสียงและความมั่นใจจากลูกค้าท่านอิ่นๆ อีกด้วย ดังนั้นทุกขั้นตอนควรอยู่ในภายใต้กรอบของ PDPA มาตรฐานสากล

 

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งาน หรือสนใจใช้บริการของ t-reg

โทร 089-698-2591

รับชมบริการของเราได้ที่ t-reg.co

FREE EVENT
ร่วมรับฟังแนวทางการรับมือเมื่อเกิดเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับองค์กรของท่านในการรับมือกับเหตุละเมิดที่อาจเกิดขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญผู้มีประสบการณ์ให้คำปรึกษาด้านกระบวนการ PDPA สำเร็จแล้วกว่า 60 องค์กร และได้รับ Certificate จากสถาบันดิจิทัล (DCT) และมาตรฐานสากล ICDL หลักสูตร Personal Data Protection
RELATED POST
สรุปหลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2565 ตามกฎหมาย PDPA โดย t-reg เพื่อความเข้าใจง่ายและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
t-reg news

สรุป ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2565

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลได้เผยแพร่ประกาศฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการในการแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีใจความสำคัญอยู่ที่รายละเอียดและขั้นตอนที่ Data

อ่านต่อ »
t-reg knowledge

สิทธิของเจ้าของข้อมูล (Data Subject Right)

มาพูดถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลกันครับ แล้วดูว่าสิ่งที่องค์กรต่างๆ ควรตอบโจทย์ Data Subject Right กันอย่างไร และรายละเอียดสำคัญต่างๆ ในบทความ

อ่านต่อ »
PDPA News
PDPA News

PDPC ดำเนินการเชิงรุก เสริมสร้างความตระหนักรู้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่ภาคประชาชน

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC แจงภารกิจแผนแม่บทระยะที่ 1 สำเร็จ ลุล่วง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจการรักษาสิทธิในข้อมูลตัวเองมากขึ้น

อ่านต่อ »

PDPA Key Success Srichand

PDPA Success Story SRICHAND เนื้อหา เป้าหมายในการทำโครงการ PDPA ในช่วงนี้ทางศรีจันทร์เริ่มโฟกัสกับ

อ่านต่อ »

ส่งต่อบทความดีๆ ได้ที่นี่