ปี 2025 ใครๆก็สามารถเข้าถึงข้อมูลตัวบุคคลได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่านสื่อต่างๆบนโลกออนไลน์ ดังนั้นการผลิตเนื้อหาโดยเฉพาะในฐานะ “สื่อ” ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน ผู้ผลิตคอนเทนต์ แอดมินเพจ อินฟลูเอนเซอร์ หรือแม้กระทั่งแบรนด์องค์กร ล้วนต้องเผชิญกับความรับผิดชอบใหม่ภายใต้กฎหมาย PDPA หรือ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สำหรับคนทำสื่อแล้ว PDPA ไม่ใช่แค่เรื่องของข้อกฎหมายเท่านั้น แต่คือเรื่องของจริยธรรม ความรับผิดชอบ และการป้องกันความเสี่ยงทั้งในด้านภาพลักษณ์และข้อกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
กฎหมาย PDPA คืออะไร และส่งผลอย่างไรต่อผู้ผลิตเนื้อหา
PDPA หรือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เป็นกฎหมายที่กำหนดแนวทางการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีหลักการสำคัญคือ การเก็บและใช้ข้อมูลจะต้องกระทำอย่างโปร่งใส ได้รับความยินยอม และเป็นธรรมกับเจ้าของข้อมูล
เมื่อพูดถึง “ข้อมูลส่วนบุคคล” หลายคนอาจนึกถึงแค่ชื่อ ที่อยู่ หรือหมายเลขบัตรประชาชน แต่ในความเป็นจริง ขอบเขตของข้อมูลส่วนบุคคลตาม กฎหมาย PDPA กว้างกว่านั้นมาก และครอบคลุมถึงข้อมูลเชิงพฤติกรรมบนเว็บไซต์ ภาพถ่าย คลิปเสียง คลิปวิดีโอ หรือแม้แต่ข้อความแชตที่สามารถระบุตัวบุคคลได้
ผลกระทบของ กฎหมาย PDPA ต่อสื่อ หรือ ผู้ผลิตคอนเทนต่างๆ คือ
ผลกระทบต่อผู้ผลิตเนื้อหาและสื่อ คือ ทุกการถ่ายภาพ แชร์วิดีโอ หรือแม้แต่การเก็บข้อมูลผ่านเว็บไซต์ จะต้องมีการวางแผนที่รอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องกับ PDPA และไม่ละเมิดสิทธิของผู้ใดโดยไม่ได้ตั้งใจ
ข้อมูลแบบไหนที่เข้าข่าย “ข้อมูลส่วนบุคคล” ภายใต้ กฎหมาย PDPA
หนึ่งในจุดที่หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับ PDPA คือเรื่องของขอบเขตข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงข้อมูลส่วนตัวที่ชัดเจน เช่น หมายเลขบัตรประชาชน หรือชื่อ-นามสกุล เท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่สามารถใช้ระบุตัวบุคคลได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ตัวอย่างเช่น:

ข้อมูลเหล่านี้ถือว่าเข้าข่ายข้อมูลส่วนบุคคล และจำเป็นต้องมีการขอความยินยอมก่อนใช้งานอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะหากเนื้อหานั้นเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน หรือ “ข้อมูลอ่อนไหว” ตามกฎหมาย เช่น ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา เพศสภาพ หรือข้อมูลสุขภาพ การเปิดเผยหรือใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตอาจนำไปสู่การถูกฟ้องร้อง และถูกลงโทษตามกฎหมาย
แล้ว สื่อสามารถทำอะไรได้บ้างภายใต้ PDPA ?
หลายท่านอาจจะสงสัยว่าแบบนี้จะทำอะไรบนสื่อได้บ้างเพราะเห็นบุคคลอื่นในบางจังหวะ คำตอบ คือ แม้ว่า กฎหมาย PDPA จะมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล แต่ไม่ได้หมายความว่าสื่อหรือผู้ผลิตคอนเทนต์จะไม่สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ได้เลย สิ่งที่กฎหมายต้องการคือการให้ความเคารพในสิทธิของเจ้าของข้อมูล และดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างมีความรับผิดชอบ
สื่อสามารถเก็บและใช้ข้อมูลได้ หากได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลอย่างชัดเจน การขอความยินยอมสามารถทำได้ทั้งผ่านแบบฟอร์ม การแจ้งเตือนในเว็บไซต์ หรือการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบในขณะถ่ายทำหรือสัมภาษณ์
ในกรณีที่มีการจัดกิจกรรมหรืองานอีเวนต์ในที่สาธารณะ การถ่ายภาพมุมกว้างโดยไม่เน้นไปที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งมักจะไม่เข้าข่ายการละเมิด PDPA แต่หากถ่ายภาพที่สามารถระบุตัวบุคคลได้อย่างชัดเจน หรือมีการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบุคคลนั้น ๆ จำเป็นต้องขอความยินยอมก่อนนำไปใช้
แต่ก็ยังมีข้อยกเว้น นั้นก็คือ การใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์สาธารณะ เช่น การรายงานข่าว การศึกษาวิจัย หรือการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อเตือนภัย สามารถดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องขอความยินยอม หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสังคมและไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเกินสมควร
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ละเมิด PDPA โดยไม่ตั้งใจ
บทควานี้เราขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นเคสกรณีศึกษาเพื่อให้ทุกท่าน สามารถนำไปปรับใช้ในการทำสื่อ ผลิตคอนเทนต์ได้ถูกต้องไม่ต้องเสี่ยงผิดกฎหมาย PDPA ในอนาคตได้ สำหรับใครไม่แน่ใจว่าสามารถทำแบบนี้ได้หรือไม่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ช่วยพิจารณาเหตุการณ์ได้เพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสม
ตัวอย่างเหตุการณ์ละเมิด PDPA แบบไม่ตั้งใจ 1 :
ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีลูกค้านั่งรับประทานอาหารมาโพสต์ลงในเพจเพื่อโปรโมทร้าน โดยไม่ได้ขออนุญาตจากลูกค้าก่อน แม้ว่าจะมีเจตนาเพื่อโฆษณา แต่ลูกค้ารู้สึกว่าถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวและได้ยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
ตัวอย่างเหตุการณ์ละเมิด PDPA แบบไม่ตั้งใจ 2 :
เพจขายของออนไลน์อ่านชื่อ-นามสกุลของลูกค้าในขณะ Live สด โดยแสดงหมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่ให้คนดูเห็นแบบไม่ตั้งใจ ซึ่งเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างชัดเจน และสามารถเข้าข่ายการละเมิด PDPA ได้เช่นกัน
สองกรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะไม่มีเจตนาในการละเมิดกฎหมาย แต่การขาดความเข้าใจและการเตรียมตัวที่ดีสามารถนำไปสู่ปัญหาใหญ่ได้อย่างไม่คาดคิด
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการทำสื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA

สำหรับใครที่เป็นผู้ผลิตเนื้อหา หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ สามารถนำคำแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้กับการทำงานได้เช่นกันเพื่อให้สอดคล้องกับ กฎหมาย PDPA คำแนะนำมีดังนี้:
- คำแนะนำที่ 1
คือการให้ความรู้แก่ทีมงานทุกคนเกี่ยวกับขอบเขตของข้อมูลส่วนบุคคล และความสำคัญของการขอความยินยอม ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน ช่างภาพ ฝ่ายโซเชียลมีเดีย หรือทีมขายโฆษณา ทุกคนควรมีพื้นฐานด้าน PDPA เพื่อร่วมกันป้องกันความเสี่ยง
- คำแนะนำที่ 2
คือการจัดทำ Privacy Notice หรือประกาศความเป็นส่วนตัวในช่องทางต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแบบฟอร์มสมัครสมาชิก เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบว่า ข้อมูลของพวกเขาจะถูกนำไปใช้อย่างไร
สุดท้าย คือการวางระบบจัดการข้อมูลให้สามารถ “ขอใช้ – ลบ – เปลี่ยนแปลง – ถอนความยินยอม” ได้ตามสิทธิของเจ้าของข้อมูล โดยเฉพาะกรณีที่มีการเก็บข้อมูลไว้ในระบบขององค์กร
โทษทางกฎหมายหากฝ่าฝืน PDPA
การฝ่าฝืนกฎหมาย PDPA มีบทลงโทษที่ครอบคลุมทั้งทางแพ่ง อาญา และการปรับทางปกครอง โดยผู้ที่ละเมิดอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายตามจริง หรือในบางกรณีที่กระทบต่อชื่อเสียง บทลงโทษนั้นมีหลากหลายการพิจารณา
อ่าน กฎหมาย pdpa โทษ คลิก
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งาน หรือสนใจใช้บริการของ t-reg
โทร 089-698-2591
รับชมบริการของเราได้ที่ t-reg.co




